โดย นายสัตวแพทย์ พงษ์เผ่า หอสถิตย์ธรรม
มักมีคนตั้งคำถามบ่อยๆว่าน้องหมาหรือน้องแมวอายุเท่าไหร่จึงจะเข้าเกณฑ์ที่เรียกว่า “สูงอายุ” คำตอบ ก็คือ น้องหมา หรือ น้องแมว ที่อายุย่างเข้าสู่วัย 7 ปีขึ้นไปเข้าเกณฑ์นี้เลย หากเทียบกับคนเราก็อายุราวๆ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งสำหรับคนเราก็เรียกว่า เข้าสู่ช่วงอายุผู้สูงวัย ฉะนั้นหากต้องการคำณวนอายุคร่าวๆของน้องหมาหรือน้องแมวเทียบกับอายุคนก็ให้เอา 7 คูณกับอายุของเขาก็จะได้อายุคร่าวๆของเขา เช่น อายุน้องหมา 7 ขวบปี เทียบกัยคนก็จะได้เท่ากับ 7 คูณ 7 หรือ 49 ปี เป็นต้น
ในช่วงสูงวัยจะพบมีการเสื่อมของอวัยะวะต่างๆภายในร่างกายเด่นชัดมากขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็นส่วนของระบบโครงกระดูก หรือ อวัยะวะภายในต่างๆ ได้แก่ หัวใจ ตับ ไต ฯลฯ เป็นต้น ที่ปรากฏพบเห็นบ่อยๆในสุนัขมักพบว่าความกระฉับกระเฉงเริ่มลดลงไปจากเดิม ส่วนใหญ่เนื่องมาจากความเสื่อมของข้อต่างๆ โดยเฉพาะตรงส่วนของข้อสะโพกพบเห็นบ่อยมาก ซึ่งเจ้าของส่วนใหญ่มักนึกเอาเองว่าเขาแก่แล้วเลยไม่กระฉับกระเฉงอย่างแต่ก่อน อันที่จริงแล้วหากมีการตรวจเช็ค และวินิจฉัยอย่างละเอียดแล้ว เช่น การเอกซเรย์ตรวจดู มักพบว่าเนื่องมาจากความเจ็บปวดตรงบริเวณข้อที่เสื่อมสภาพลงตามอายุขัย จึงทำให้เขาไม่อยากเดินเหินโดยไม่จำเป็น ยิ่งถ้าหากน้องหมาถูกเลี้ยงแบบปรนเปรอเกินความต้องการของร่างกายก็จะผลให้น้ำหนักตัวมากเกินพอดีจนเกิดสภาวะอ้วน ผลที่ตามมาก็คือข้อต่างๆจะเสื่อมเร็วกว่าปรกติ และแสดงอาการดังกล่าวตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุช่วงต้นๆ กรณีอย่างนี้ถ้าเจ้าของเอาใจใส่จัดโปรแกรมลดน้ำหนักอย่างจริงจัง น้องหมาเขาจะกระฉับกระเฉงกว่าตอนที่มีสภาวะอ้วนมาก และหากเสริมการรักษาด้วยการให้ยาลดปวดชนิดไม่ใช่สเตอร์รอยด์ ยาบำรุงข้อจำพวก glucosamine, chrondroitin และ chitosan จะทำให้เขากระฉับกระเฉงขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และยิ่งหากเอาใจใส่เขาในเรื่องการออกกำลังกายเพื่อรักษาสภาพกล้ามเนื้อขาของเขาให้แกร่งอยู่เสมอ ก็จะเป็นปัจจัยช่วยชลอความเสื่อมของข้อได้เป็นอย่างดี เพราะขนาดน้องหมาสูงอายุมากๆ 14-15 ปีที่มาตรวจในโรงพยาบาลเชียงใหม่โชตนาหลายต่อหลายตัว มีปัญหาสภาพอ้วนมาก แค่เพียงเจ้าของเอาใจใส่เรื่องการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ด้วยการแสดงความรักต่อเขาให้ถูกทางโดยตัดใจลดปริมาณอย่างจริงจังและเลิกปรนอาหารให้เขาอย่างที่เคย พบว่ามีผลลดน้ำหนักได้จริงและอานิสงส์ที่ได้ตามมาก็คือ การเดินเหินของเขาจะดีขึ้นกว่าเก่ามากๆ บทเรียนเช่นที่กล่าวมานี้ทำให้รู้ว่า ความอ้วนไม่เป็นผลดีต่อน้องหมาตัวไหนเลยแม้แต่ตัวเดียวในระยะยาว
สภาวะความเสื่อมของอวัยะวะภายในที่มักพบเห็นเป็นประจำในคลินิกก็คือ ส่วนของ ไต และตับ ซึ่งเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นอวัยะวะดังกล่าวก็เสื่อมลงเรื่อยๆตามธรรมชาติอยู่แล้ว ยิ่งปัจจุบันไม่ว่าน้องหมาหรือน้องแมวต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อน มลพิษที่ปนเปื้อนในอาหารและสภาพแวดล้อม ซึ่งเเพิ่มเติมจากกรณีโรคติดเชื้อโรคต่างๆ
เช่น โรคฉี่หนู (Leptospirosis) โรคตับอักเสบของสุนัข (Canine Hepatitis) โรคพยาธิในเม็ดเลือดพวก E. Canis ที่ผ่องถ่ายมาจากเห็บ เหล่านี้ย่อมมีผลกระทบต่ออวัยะวะดังกล่าวทำให้เกิดสภาวะเสื่อมเร็วขึ้น ที่สำคัญการจะที่ทราบสภาวะการทำงานของไต หรือตับว่าปรกติหรือไม่นั้นจำเป็นต้องอาศัยการตรวจเลือดและปัสสาวะทางห้องแล็บเท่านั้นจึงจะบอกได้ว่าสภาวะการทำงานของอวัยะวะดังกล่าวปรกติหรือไม่ปรกติ
โดยเฉพาะหากยังไม่แสดงอาการภายนอกให้เห็นการตรวจทางแล็บช่วยได้มาก เท่าที่พบเห็นในทางปฏิบัติที่ผ่านมาส่วนมากมักทราบปัญหาเมื่อมีอาการปรากฏให้เห็น และมักเกิดความเสื่อมไปมากแล้วจนยากที่จะรักษาเยียวยาหรือสายเกินแก้เสียแล้ว เช่น สภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายพบเห็นในแมวบ่อยมาก โดยเฉพาะน้องแมวอายุ 10-12 ปีขึ้นไป อาการที่เจ้าของมักพาน้องแมวมาตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์เชียงใหม่โชตนาของเราก็คือ สภาวะเบื่ออาหาร ร่างกายผอมโทรม ตัวแห้งขาดน้ำ (dehydration) กระหายน้ำ ฉี่บ่อย หรือ แม้กระทั่งอาเจียน เป็นต้น หมอก็บอกได้แต่เพียงว่า “ต้องทำใจ” นะครับ
กรณีโรคไตวายเรื้อรังถ้าหากพบว่ามีอาการตั้งแต่เป็นไม่มากพบว่าปัจจุบันสามารถดูแลจัดการให้น้องแมวมีอายุยืดออกไปได้กว่าแต่ก่อนมาก ทั้งนี้ต้องเริ่มจากการพาน้องแมวเข้ารับการตรวจเลือดและปัสสาวะตั้งแต่อายุ 6 หรือ 7 ปีขึ้นไปเป็นประจำทุกปี หากเริ่มพบความเสื่อมก็จะได้ลงมือจัดการแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะปัจจุบันมีอาหารที่ปรุงมาสำหรับปัญหาไตวายเรื้องรังโดยเฉพาะ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ยืดอายุน้องแมวออกไปได้หลายปีมากๆ นอกเหนือไปจากการดูแลเรื่องสภาวะน้ำในร่างกายให้ปรกติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เหตุผลที่ทำให้อาหารสำหรับโรคไตวายเรื้อรังช่วยยืดอายุน้องแมวไปได้นาน ก็เพราะสูตรอาหารดังกล่าวเน้นให้มีปริมาณโปรตีนไม่สูง ระดับเกลือและฟอสฟอรัสต่ำ และมีสารอาหารที่ช่วยปกป้องไตไม่ให้เสื่อมเร็วผิดปรกติ จึงทำให้ไตไม่ต้องทำหน้าที่หนักหน่วงเทียบกับการได้รับอาหารที่อยู่ในท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้เพราะไตมีหน้าที่สำคัญในการกลั่นกรองของเสียออกจากร่างกาย โดยเฉพาะของเสียที่เกิดจากการย่อยสลายของโปรตีนจากอาหารจะถูกแปรสภาพไปเป็นพวกสารยูเรียชนิดต่างๆในเลือด และถูกกลั่นกรองออกทิ้งจากร่างกายโดยกรวยไต เมื่อให้ปริมาณโปรตีนในอาหารน้อยลงก็เท่ากับทำให้ไตไม่ต้องทำงานหนักในสภาวะการทำงานของไตลดลงเนื่องจากไตวาย จึงช่วยชะลอความเสื่อมของไตให้ช้าลง ส่งผลให้อายุยืนไปได้กว่าเดิม หลักสำคัญก็คือต้องทราบปัญหาแต่เนิ่นๆจึงจะจัดการได้ตามที่กล่าวข้างต้น อย่าปล่อยให้แย่จนน้องแมวเขาแสดงอาการอย่างที่บอกแต่ต้น อย่างนี้หมอก็บอกได้แต่เพียงว่าต้องทำใจ อย่าลืมว่าหมอก็ไม่สบายใจเช่นเดียวกับท่านเจ้าของเหมือนกันนะครับ ฉะนั้นการเอาใจใส่โปรแกรมการตรวจร่างกายประจำปีแก่น้องหมาและน้องแมวของท่าน โดยเฉพาะน้องหมาน้องแมวที่เริ่มเข้าสู่วัยชราตามที่เกริ่นนำมาแต่ต้นเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องได้ยินคำว่า “ต้องทำใจ” จากปากคุณหมอยังไงล่ะครับ